วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ศีล กับ พุทธโอวาท

บุคคลย่อมพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ที่พึ่งพอใจเป็นธรรมดาหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตมีเกิดย่อมมีดับสลายไปเป็นธรรมดา จะปรารถนามิให้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็นนั้นย่อมมิอาจพึงหวังได้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องไปสู่จุดสลายไปตามธรรมชาติ
พระพุทธองค์ได้ให้พุทธโอวาทก่อนจะปรินิพพานว่า
_ ไม่มีความสุขใดเสมอด้วยความสงบ
_ ความสุขชนิดนี้สามารถหาได้ในตัวเราเอง
_ ตราบใดที่มนุษย์ยังว้าวุ่นแสวงหาความสุขจากที่อื่น เขาจะไม่พบความสุขที่แท้จริงเลย
_ มนุษย์ได้สรรสร้างสิ่งต่างๆขึ้นไว้ เพื่อล่อให้ตัวเองวิ่งตามแต่ก็ตามไม่ทัน
ถ้าหากบุคคลมีศีลเป็นพื้นฐานรองรับ จิตเปรียบเสมือนการทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดด้วยการมีศีลเป็นเครื่องขัดเกลาจิตใจให้ปลอดโปร่ง
ศีล เป็นพื้นฐานให้เกิดสมาธิ คือความสงบใจ ศีลเบื้อนต้น(คือศีล 5 ข้อ) เป็นสมาธิที่มีผลมาก อนิสงส์มาก บุคคลที่มีสมาธิย่อมอยู่อย่างสงบไม่ว่าจะมีแรงกระทบมาให้สะเทือนจิตก็ไม่กระวนกระวายจะรู้เท่าทันต่อกิเลสที่มากระทบได้ สมาธินี้ย่อมก่อให้เกิดปัญญา
การได้เกิดมาเป็นคนและดำรงตนให้เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากนักที่จะปฎิบัติ เพราะทุกอย่างอยู่ที่จิต จิตที่ผ่องใสอยู่ปกติ จิตที่ฟอกให้สะอาดด้วยศีล สมาธิ ปัญญาย่อมหลุดพ้นจาก
อาสวะทั้งปวง

ไม่มีความคิดเห็น: