วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อดีตที่ผ่านไปควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

ขอยกคำสอนของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ท่านได้เมตตาสอนไว้ว่า
อตีตาธรรมเมาคืออดีตเป็นธรรมดา เช่นเดียวกับ อนาคตก็เป็นธรรมเมา อนาคตไม่ใช่ธรรมะ กรรมที่ทำแล้วในอดีตหลวงปู่ท่านให้คิดว่าป็นธรรมเมา
คำว่าเมานั้นแปลว่าไม่ดี ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง ควรหลีกเลี่ยง ในความหมายของหลวงปู่ท่านบอกว่า อดีตคือสิ่งที่ผ่านมาแล้วอย่าไปยึดติด คิดถึงแต่อดีต เพราะสิ่งเหล่านั้นมันก่อให้เกิดทุกข์ ควรจะให้จบสิ้นไปในความหมายของคำว่า “ อดีต” มิฉะนั้นแล้ว จิตของเราจะจมหลงมัวเมาอยู่แต่อดีตจนก่อตัวให้เป็นความพยาบาท การผูกใจโกรธไม่รู้ลืม เป็นความคิดที่ทำร้ายตนเองรุนแรงยิ่งกว่าคนอื่นทำมากมายนัก
หลวงปู่แหวนท่านสอนด้วยว่า อนาคตธรรมเมา คืออนาคตก็เป็นธรรมเมา
อนาคตไม่ใช่ธัมมะ ทำนองเดียวกับ อตีตาธรรมเมา อดีตไม่ใช่ธัมมะ ก็คืออย่าผูกใจอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และอย่าส่งใจไปคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด ที่ว่าจะเกิดในอนาคตเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ปัจจุบันเท่านั้นเป็นธัมมะ ปัจจุบันเท่านั้นคือความจริงดังนั้น ปัจจุบันมีความสำคัญ ต้องใส่ใจกับปัจจุบันให้เต็มสติปัญญา ความสามารถ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ให้งดงามที่สุดทั้ง กาย วาจา ใจ มีสติรักษาปัจจุบันให้ดีอย่างไปหลงกับอดีตและอนาคต จงมองและรักษาปัจจุบันให้ดี เพื่อเป็นสะพานเดินไปหาอนาคตที่มั่งคงโดยมีอดีตป็นครู
ธรรมดาของ สังขาร คือการดับ ไม่มีกลับ คืนเป็น เช่นลมหวน
เป็นของจริง จงจำ อย่าคร่ำครวญ สิ่งที่ควร เร่งทำ คือกรรมดี
อย่าทนทุกข์ กับอดีต อันขมขื่น อย่าเริงรื่น อนาคต อันสดใส
ปัจจุบันย่อม สำคัญกว่า สิ่งใด ถ้าตั้งใจ ไว้พอดี มีสุขเอย.

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ภูมิคุ้มกันในบ้าน

ในครอบครัวควรจะมีความรักและความผูกพันและเห็นความสำคัญซึ่งกันและกัน หากครอบครัวใดที่เห็นความสำคัญในความรัก และความอบอุ่นต่อบุคคลในครอบครัวแล้วก็เท่ากับการสร้างภูมิคุ้มกันในบ้านให้ปลอดภัยจากสิ่งต่างๆที่อาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้เพียงแต่เราหันหน้าเข้าหากัน เข้าใจกัน
การแสดงออกถึงความรัก ความเข้าใจ โดยการโอบกอด ยอมรับฟังปัญหาในเมื่อเกิดทุกข์ และยิ้มรับเมื่อมีความสุข
ครอบครัวต้องมีความมั่นคง เข้มแข็งไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่มากระทบ ต้องมีความสามัคคี กลมเกลียว พร้อมที่เผชิญต่อสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
การพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง การชื่นชม ชมเชย ให้กำลังใจเมื่อบุคคลในครอบครัวทำดี และไม่ด่าหรือใช้ถ้อยคำที่รุ่นแรงที่กระทบกระเทือนจิตใจเมื่ออีกฝ่ายกระทำผิด
เมื่อทำผิดต้องรูจักการขอโทษ และเมื่อทำดีต้องรู้จักขอบคุณ
พ่อ แม่ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีดำรงตนอยู่ในศีลธรรม อันดีงาม ปลูกฝังทัศนคติ ที่ดีต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคม
การทำกิจกรรมร่วมกัน การรับประทานอาหารด้วยกัน ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกัน สร้างความเพลิดเพลินด้วยกัน การหัวเราะ การฟังเพลง ร้องเพลงๆ
ความรักและความอบอุ่นที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นพลังอันยิ่งใหญ่พร้อมทั้งเป็นเกาะกำบังอันตรายต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้เพียงแต่ขอให้เรามีความรัก ความจริงใจต่อกัน ขอให้เราจับมือกันไว้ให้มั่นเพื่อความมั่งคงของครอบครัว.

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เงาแห่งความทุกข์และความสุข

คนเราเกิดมาทุกคนต้องมีเงาติดตัวกันมาตลอด ถ้าหากไม่มีเงานั่นคงหมายถึงการไม่มีชีวิตอยู่แล้ว คงเหลือแต่บุญ กับ บาปติดตัวกันไปแทน
เมื่อมีชีวิตอยู่เงาที่ติดตัวเราตลอดและอยู่เสมอในยามทุกข์ และยามสุข จะหมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันอยู่ตลอดเวลา บางทีทุกข์นั้นก็ไม่ได้เกิดกับตัวเราแต่ก็ไม่วายที่จะหาทุกข์มาใส่ให้กับตัวเองคือไม่ยอมปล่อยวางในทุกข์ของคนอื่น
ทุกข์ที่เกิดจากการอยู่ร่วมกันในสังคม
ดังนั้นไม่ว่าทุกข์จะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม เราควรยึดเส้นทางแห่งธรรมคือการปล่อยวาง ละวาง รู้จักสงบนิ่งในทุกข์ มองให้เห็นเหตุแห่งทุกข์ เพื่อนำมาสู่การแก้ไข ปัญหาทุกอย่างมีทางออกหากมองอย่างมีสติและความคิดที่รอบคอบ ต้องมีความอดทน อดกลั้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้อภัย หรือการอโหสิกรรมแก่กัน
เงาแห่งทุกข์ และ สุขนั้นเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าไม่มีใครจะหลีกหนีความทุกข์ไปได้ แต่เมื่อทุกข์เกิดแล้วขอให้เรามีสติรู้ทันในอารมณ์แห่งทุกข์โดยเอาจิตเป็นที่ตั้ง เพื่อเปลี่ยนความทุกข์ ให้เป็นความสงบ และความสุขก็จะเกิดขึ้นมาเอง
อาจจะเป็นการยากที่จะทำได้ ถ้าหากทำได้จะรับรู้ว่าไม่ยากเลย

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551

เด็กๆกับการเรียนรู้

เด็กๆทุกคนเมื่อแรกเกิดมานั้น ย่อมมีกรรมดี และกรรมชั่วติดตัวมากันทุกคน ดังนั้นตัวแปรที่ทำให้ กรรมดีและกรรมชั่วเปลี่ยนไปคือการรับรู้โดยการเรียนรู้จากพฤติกรรมของสิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัยจากครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น บิดา มารดา ญาติพี่น้องหรือบุคคลที่เด็กคลุกคลีอยู่ด้วยเป็นประจำ โดยยึดเอามาเป็นต้นแบบ
มีคำกล่าวไว้ว่าเด็กๆที่แรกเกิดมานั้นเปรียบเสมือนผ้าขาวที่สะอาดบริสุทธิ์
หากเด็กๆได้รับคุณธรรม ศีลธรรม จากบิดา มารดาเด็กๆก็จะรับรู้และเลียงแบบ พ่อ แม่ ทั้งร่างกายและจิตใจ
แต่ถ้าหากเราเก็บเอาพ่อ แม่ ใจร้าย ความน่าสะพรึ่งกลัวไว้ในจิตใจมากเท่าใด นานวันเขาจะแยกไม่ออกเลย เขาจะสร้างกลไกตัวควบคุมตนเองขึ้นมาทั้งภายในและภายนอก
สังคมปัจจุบัน พ่อ แม่ ต้องทำงานหาเงินมากจนเกินควรไม่มีเวลาให้แต่ถ้าหากมีเวลาให้กับลูกบ้างก็ขอเป็นเวลาที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตของเด็กที่จะต้องเติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพต่อสังคมและครอบครัว
การจะสอนลูกๆให้เป็นคนดีได้นั้นคือการให้เวลา และเป็นแบบอย่างที่ดี สอนให้เขารู้จักคิดถึงการกระทำและผลที่ได้รับนั่นคือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

คนดีของแม่

ลูกเอ๋ย........
การเลือกคบคนก็เหมือนกับการเลือกซื้อเสื้อผ้า ลูกต้องรู้จักเลือก รู้จักคิดเพราะคนเราเกิดมาในโลกใบนี้มีทั้งคนดี และคนไม่ดีคงไม่มีคนดีไปทั้งหมด หรือ คนชั่วไปทั้งหมด ดังนั้นอยู่ที่ว่าลูกจะเลือกคบคนชนิดใด ถ้าลูกเลือกคบคนดีลูกก็จะเป็นคนดี ถ้าเลือกคบคนชั่วลูกก็จะเป็นคนชั่ว
ดังสุภาษิตที่ว่า คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
คบคนชั่วจะพาตัวให้อับจน จะคบคนควรคิดให้ดี
ลูกของแม่ก็เหมือนกัน เราทุกคนต้องมีจุดมุ่งหมายของชีวิตและต้องมีความมานะพยายามไปหาฝันของตนเองให้ได้เพื่ออนาคตของลูก แม่ขอให้ลูกเป็นคนดี เพราะความดีจะเป็นเกราะป้องกันภัยให้กับลูกเป็นอย่างดี ลูกจะประสบความสำเร็จ นั่นคือผลแห่งความตั้งใจดี
ถ้าลูกคบคนชั่วก็จะนำพาไปสู่ทางฉิบหายอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เพราะคนชั่วไม่สนับสนุนคนที่คบด้วยให้เป็นคนดี
ดังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมศาสดาตรัสว่า ขึ้นชื่อว่าความชั่วแล้วแม้น้อยนิดก็ไม่ควรทำ เพราะความชั่วทั้งหลายเมื่อกระทำแล้วย่อมส่งผลเป็นความทุกข์ ความเดือดร้อน
อันความดีแม้เพียงน้อยนิดก็สมควรทำเปรียบเสมือนตักน้ำใส่ตุ่มขยันหมั่นเพียรน้ำก็จะเต็มตุ่ม บุญก็เช่นเดียวกัน ขยันบำเพ็ญบุญ บุญก็จะเพิ่มพูน และเต็มบริบรูณ์
ดังนั้น แม่ขอให้เวลาที่ลูกจะคิด จะพูด จะทำ ขอให้เกิดด้วยปัญญา

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2551

บุญ บารมี

บุญ บารมี

บุญ คือความดี กุศล ความสุขอันเกิดจากการประพฤติทางกาย วาจา ใจ กุศลธรรม
บารมี คือคุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด เพื่อบรรลุจุดหมายอันสูงส่ง
วิธีสร้างบุญ บารมีในพระพุทธศาสนามีอยู่ 3 ขั้นตอนคือ
1 การทำทาน ได้แก่การเกิดความเมตตาจิตของตนด้วยการสละทรัพย์สิ่งของสมบัติของตนที่มีอยู่ให้แก่ผู้อื่นเพื่อหวังให้ผู้รับประโยชน์มีความสุขจะมากหรือน้อยเพียงใดย่อมถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบ 3 ประการที่ทำให้ทานนั้นมีผลมาก ได้บุญบารมีมากกล่าวคือวัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์ เจตนาในการให้บริสุทธิ์ เนื้อนาบุญบริสุทธิ์

2 การรักษาศีล ศีลแปลว่า ปกติคือสิ่งที่บุคคลจะต้องระวังรักษาศีลมีหลายระดับ คือ ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10และศีล 227
มนุษย์ คือ ผู้ที่มีใจประเสริฐ มีคุณธรรมที่เป็นปกติของมนุษย์ที่ทรงไว้ตลอดไปคือ ศีล5 บุคคลที่ไม่มีศีล5 ไม่เรียกว่ามนุษย์ แต่อาจเรียกว่า คน
การรักษาศีล เป็นการเพียรพยายามเพื่อระงับโทษทางกาย วาจาซึ่งเป็น กิเลสหยาบมิให้กำเริบขึ้นและเป็นการบำเพ็ญบุญบารมีที่สูงขึ้นกว่าการให้ทาน
3 การภาวนา การเจริญภาวนา เป็นการสร้างบุญบารมีที่สูงสุด และยิ่งใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนาเป็นแก่นแท้ และสูงกว่าศีลมาก
อานิสงส์ ของสมาธินั้นมีมากว่าการรักษาศีลอย่างเทียบไม่ได้ พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า แม้บุญจะได้อุปสมบทเป็นภิกษุรักษาศีล 227ข้อไม่เคยขาด ไม่ด่างพร้อยมานานถึง 100ปี ก็ยังได้บุญกุศลน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิจิตเพียงให้จิตสงบนานเพียงไก่กระพือปีก ช้างกระดิกหู
การให้ธรรมะเป็นทาน เป็นบุญกุศลอันสูงสุด

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551

กำลังใจกับการเริ่มต้นใหม่

กำลังใจเป็นคำพูดหรือเป็นสื่อในความหมายที่กระตุ้นความรู้สึกให้ดีขึ้น ผ่อนคลายขึ้น มีความหวังมากขึ้น พร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆที่กำลังเข้ามาหา หรือบางสิ่งที่เคยผ่านออกไปแล้วแต่ยังไม่เคยลืมคืออดีต
กำลังใจคือพลังแห่งความตั้งใจดีที่จะก้าวต่อไปโดยเริ่มต้นใหม่ให้ไปสู่ชัยชนะ หรือความสำเร็จตามที่มุ่งหมายไว้ให้ได้
ศัตรูตัวร้ายที่จะบั่นทอนความตั้งใจเราคือความคิดของเราเอง จงอย่าดูถูกตนเอง หรือมองว่าตนเองไม่มีคุณค่า ขอเพียงให้ตัวเรามีความหวังที่จะเริ่มต้นใหม่โดยจิตใจที่เข้มแข็ง อย่าอ่อนแอ จงนำบทเรียนที่ผ่านมาเป็นครูของชีวิตเพื่อที่พาเราก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง
ดังตัวอย่างที่ดิฉันจะขอยกมากล่าวให้ฟังว่าเคยมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้ลงบทความเกี่ยวกับนักโทษหญิงที่เปลี่ยงแปลงความคิดของตนใหม่ในเชิงบวกที่สร้างชีวิตใหม่ให้กับตนเองโดยไม่คิดทำร้ายตนเองแต่กลับนำพาชีวิต ความคิดที่ดีโดยการเรียนรู้และเสริมสร้างทักษะในวิชามวย จนได้รับชื่อเสียงในทางที่ดีน่ายกย่อง ที่น่าจะเป็นแบบอย่างแก่เยาวชนที่มีความคิดแบบเดิมๆ และก็กลับมาแบบเดิมๆ ลองดูนะ ชีวิตและอนาคตเป็นของเรา จงรู้จักที่จะนำพาตนเองให้ไปพบความสุข ความสมหวังและความสำเร็จนั้นๆให้ได้จงเปลี่ยนแปลงตนเองเสียใหม่ ไม่จมอยู่แต่อดีต ไม่มัวแต่นอนเศร้าทุกข์ใจ มองแต่ปมด้อยของตนเอง
ขอให้จดจำนะว่าชีวิตคนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอนับตั้งแต่รู้ความ ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ของเพียงให้เรามีกำลังใจ และพร้อมที่จะลูกขึ้นสู้เพื่อวันใหม่ ในวันพรุ่งนี้ ชีวิตที่เคยเลวร้ายก็จะกลายเป็นดี
ขอให้ชีวิตที่เริ่มต้นจงเป็นแก้วที่หงายเพื่อรองรับและกลั่นกรองเอาแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามา
แต่อย่าเป็นแก้วที่คว่ำเพราะมัวแต่กักเก็บอดีตไว้ไม่ยอมปล่อยให้ออกไปก็เหมือนคนที่วนเวียนอยู่แต่วงแคบๆที่หาทางออกไม่ได้ และจะไม่มีวันที่ได้รับรู้ว่าในโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ดีๆอีกหลายอย่างที่เราควรจะรับรู้ อย่าปล่อยให้โอกาสและเวลาให้มันสูญไปโดยที่ไม่มีการเริ่มต้นใหม่.

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551

มองให้เห็นเป็นปัจจุบัน

ความคิดที่ชอบคิดไปเรื่อยๆ บางครั้งสิ่งที่คิดก็ยังไม่เกิดขึ้นหรือบางสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ว่าสุข หรือ ทุกข์ ก็มักจะพอใจที่จะยึดติดอยู่แต่ในความคิดนั้น โดยไม่แยกแยะออกให้เป็น คิดแต่อดีตหรือคิดไปถึงผลในอนาคต ซึ่งอาจจะเป็นจริง หรือไม่จริงก็ได้ จึงทำให้เป็นคนหวาดระแวง วิตกกังวล ขาดความมั่นใจในตนเองแม้แต่ความคิด
การที่ไม่รู้เท่าทันความคิด มักทำให้คนเราขาดสติ ขาดปัญญา ในการแก้ปัญหา
สติ ก่อให้เกิดปัญญา
ปัญญา ก่อให้เกิดความรู้
สติ คือความระลึกได้ในความจริง ความถูกต้อง
ปัญญา คือการรู้เท่าทันในความคิดอันเกิดจากการกระทำด้วยกาย วาจา ใจ
การฝึกตนเองให้มีสติโดยฝึกให้อยู้กับปัจจุบัน ว่าเรากำลังจะทำอะไร คิดอะไร มองให้รู้เท่าทันในความคิดมองให้เห็นเป็นธรรมชาติ ว่ามีการเกิด ก็ต้องมีการดับเป็นของธรรมดา ฝึกตามดูจิตว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ให้รู้ตัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง พูด คิดถ้าหากสติเราเผลอก็สามารถกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน
คนเราต้องมีจุดมุ่งหมายในชีวิต หากเกิดมีความทุกข์ขึ้นมาจิตเราจะไม่เลื่อนลอยไปอย่างไร้จุดหมาย
แต่หากไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตเมื่อทุกข์ขึ้นมาจะอยู่แต่ในอดีต และไปไกลถึงอนาคตอย่างไม่มีจุดหมายที่แน่นอนเพราะลืมคิดถึงปัจจุบัน
อดีตคือ ครูของชีวิต ปัจจุบันจงทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีเพื่อไปสู่อนาคตอย่างมีจุดมุ่งหมายและความสุขก็จะเกิดขึ้นในใจของเรา

วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551

วันแม่

ใกล้ถึงวันสำคัญอีกแล้วนะสำหรับคำว่าวันแม่ ความจริงแล้วถึงไม่ต้องมีวันนี้ แม่ก็รักลูกอยู่ทุกๆวันตราบเท่าลมหายใจของแม่ยังมีอยู่ แม่รักลูกของแม่ทุกคนและแม่ก็มีความสุขมากที่เห็นลูกๆของแม่ทุกคนเติบโตเป็นคนดี เป็นลูกที่ดีของแม่เสมอมา
ลูกคงรู้นะสังคมในปัจจุบันนี้มีเรื่องต่างๆมากมายทั้งที่ดีและไม่ดี ที่เกิดจากการกระทำด้วย กาย วาจาและใจ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมตกต่ำลง นั่นคือผลที่เกิดจากภายนอกมากระทบภายในคือจิตใจของเรา จึงทำให้บางครั้งบุคคลในสังคมจึงขาดคุณธรรม ศีลธรรมและจริยธรรม ขาดความรัก ความเมตตา ต่อสังคม จึงทำให้เป็นเหตุไม่มีความสุขเพราะจิตใจที่เร่าร้อน กระวน กระวาย
แม่อยากจะให้ลูกรู้ว่าการรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง และรู้จักควบคุมอารมณ์ที่กำลังเกิดขึ้น โดยดูอารมณ์ตัวเองอย่างนิ่งๆและติดตามอารมณ์อย่างมีสติ และรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง จิตใจก็จะผ่อนคลายเยือกเย็นขึ้น มองเห็นเหตุและผลมากขึ้น รู้สึกเห็นอกเห็นใจมากขึ้น ลูกต้องหัดรักผู้อื่นก่อน ก่อนที่จะให้คนอื่นมาให้อะไรเรา ตัวเราต้องรู้จักเป็นผู้ให้ก่อน
แม่อยากบอกว่า ทุกอย่างอยู่ที่ใจ การมีสติ รับรู้เท่าทัน และการควบคุมตนเองได้ก็จะนำพาให้ลูกอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551

อุทิศส่วนกุศลกับการกรวดน้ำต่างกันอย่างไร

คำว่า อุทิศส่วนกุศล หมายความว่า ผู้จะอุทิศส่วนกุศลนั้นจะต้องทำบุญทำกุศลให้เกิดขึ้นก่อน เมื่อกุศลเกิดขึ้นแล้วจึงอุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว การอุทิศส่วนกุศลนี้เป็นบุญของผู้กระทำอย่างหนึ่งในบุญกริยาวัตถุ10 ประการ นั่นคือปัตติทานมัย ได้แก่บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ หรือบุญสำเร็จด้วยการอุทิศส่วนกุศล
สำหรับผู้ล่วงลับไปแล้ว ถ้าอยู่ในฐานะที่รับส่วนบุญได้เมื่อมีผู้อุทิศส่วนกุศลมาให้ ก็จะยินดีปลาบปลื้มใจพร้อมกับกล่าวคำ อนุโมทนาสาธุ ก็จะได้รับผลบุญที่เขาอุทิศมาให้ และเกิดผลบุญที่ได้รับอนุโมทนา
จะเห็นได้ว่า การอุทิศส่วนกุศล ก็เป็นบุญอย่างหนึ่งของผู้กระทำ และการอนุโมทนาส่วนกุศล ก็เป็นบุญอย่างหนึ่งของผู้ที่ได้รับ
ส่วนคำว่า กรวดน้ำ หมายถึง กริยาที่แสดงถึงการนำเอาน้ำมาเทหรือหยดลงในภาชนะที่รองรับ ในขณะที่พระกล่าวคำให้พรว่า ยถาวารีวหา เป็นต้น พร้อมกับกล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ส่วนน้ำที่เรานำมาหยดหรือเทลงในภาชนะนั้น เป็นการช่วยทำให้สมาธิของผู้ที่ต้องการอุทิศส่วนกุศลนั้นดีขี้น ช่วยทำให้จิตใจมั่นคงอยู่ที่น้ำกับภาชนะเท่านั้นเอง
การกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศล จะใช้น้ำก็ได้ไม่ใช้น้ำก็ได้ เพียงทำบุญให้เกิดแก่ตนเองเสียก่อน เมื่อบุญเกิดกับตนเองตามที่ได้กระทำแล้ว เมื่อจะอุทิศส่วนกุศลก็ขอให้ตั่งใจมุ่งตรงต่อผู้ที่เราจะอุทิศส่วนกุศลให้บุญก็สำเร็จแก่เราเพิ่มขึ้น ผู้ล่วงลับไปแล้วถ้าเขาได้อนุโมทนา เขาก็ได้รับผลบุญจาการอนุโมทนา สาธุ

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ศีล กับ พุทธโอวาท

บุคคลย่อมพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ที่พึ่งพอใจเป็นธรรมดาหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตมีเกิดย่อมมีดับสลายไปเป็นธรรมดา จะปรารถนามิให้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็นนั้นย่อมมิอาจพึงหวังได้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องไปสู่จุดสลายไปตามธรรมชาติ
พระพุทธองค์ได้ให้พุทธโอวาทก่อนจะปรินิพพานว่า
_ ไม่มีความสุขใดเสมอด้วยความสงบ
_ ความสุขชนิดนี้สามารถหาได้ในตัวเราเอง
_ ตราบใดที่มนุษย์ยังว้าวุ่นแสวงหาความสุขจากที่อื่น เขาจะไม่พบความสุขที่แท้จริงเลย
_ มนุษย์ได้สรรสร้างสิ่งต่างๆขึ้นไว้ เพื่อล่อให้ตัวเองวิ่งตามแต่ก็ตามไม่ทัน
ถ้าหากบุคคลมีศีลเป็นพื้นฐานรองรับ จิตเปรียบเสมือนการทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดด้วยการมีศีลเป็นเครื่องขัดเกลาจิตใจให้ปลอดโปร่ง
ศีล เป็นพื้นฐานให้เกิดสมาธิ คือความสงบใจ ศีลเบื้อนต้น(คือศีล 5 ข้อ) เป็นสมาธิที่มีผลมาก อนิสงส์มาก บุคคลที่มีสมาธิย่อมอยู่อย่างสงบไม่ว่าจะมีแรงกระทบมาให้สะเทือนจิตก็ไม่กระวนกระวายจะรู้เท่าทันต่อกิเลสที่มากระทบได้ สมาธินี้ย่อมก่อให้เกิดปัญญา
การได้เกิดมาเป็นคนและดำรงตนให้เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากนักที่จะปฎิบัติ เพราะทุกอย่างอยู่ที่จิต จิตที่ผ่องใสอยู่ปกติ จิตที่ฟอกให้สะอาดด้วยศีล สมาธิ ปัญญาย่อมหลุดพ้นจาก
อาสวะทั้งปวง

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

บ้านของเรา

ความสุขนั้นอยู่ไม่ไกลจากตัวเราเลย ถ้าหากเรารู้จักและนำมาใช้ให้ถูกต้องโดยไม่มองข้ามไป
เวลาที่คนเราหิวก็ จะหาอาหารมาประทังชีวิต และความหิวก็หายไป
เวลาที่เราเหนื่อยก็จะนั่งพัก หรือหยุดพักให้หายเหนื่อยและลุกขึ้นเพื่อต่อสู้ต่อไป
เวลาที่เราท้อแท้ก็จะหากำลังใจเพื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้ก้าวต่อไปอย่างมีจุดมุ่งหมายในชีวิต
ลูกๆรู้หรือไม่ว่าคำว่า กำลังใจ นั้นก็คือตัวกระตุ้นให้มีความมุมานะ ฟันฝ่าอุปสรรคที่มีทั้งหลาย ทั้งปวงที่จะพาเราไปสู่จุดมุ่งหมายในชีวิตลูกๆต้องหาเป้าหมายในชีวิตให้พบ เพื่อจะได้เป็นเส้นทางพาลูกไปสู่หลักชัยของชีวิต
แต่ลูกจะนึกออกหรือไม่ว่ายังมีอีกสถานที่หนึ่งที่รอคอย และ ให้กำลังใจลูกตลอดเวลาไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน ทำอะไรและเป็นอย่างไร สถานที่นั้น บุคคลนั้นไม่เคยต้องการผลตอบแทนอะไรจากลูกเลย เพียงแต่ขอให้ลูกเข้าใจและมองเห็นนั่นคือ ความรัก ความห่วงใย ความปรารถดี ที่รอคอยลูกอยู่บ้านของเรายังไงลูก ที่พ่อ แม่ยังอยู่เพื่อรอคอย
ลูกคงไม่ปฎิเสธนะว่า เราทุกคนในบ้านมีความหมายต่อลูกมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าภายในบ้านจะมีปัญหา ความวุ่นวายความไม่เข้าใจกัน แต่ถ้าหากลูกมองลงไปให้ลึกๆจะรู้ว่าในความขัดแย้งนั้นแอบแฝงไปด้วยความรัก ความหวังดี และความเป็นห่วง ที่ทุกคนมีให้แก่ลูกอาจจะเป็นเพราะวัยที่แตกต่าง จึงทำให้ไม่เข้าใจกัน
ชีวิตของลูกกำเนิดมาจากความรักและบ้านก็เป็นที่ห่อหุ้มลูกให้ปลอดภัย ดูแลลูกให้เติบโตและมีชิวิตอยู่รอดได้ ก็เพราะบ้านที่แหละลูก กลับบ้านเถอะลูกกลับมาช่วยกันดูแลและปรับปรุ่งบ้านของเรากันใหม่นะ
เราต่างฝ่ายผ่านความรู้สึกที่ดี และ ไม่ดีมาก็มากแล้วล้วนเกิดขึ้นมมาจากจิตใจของเราเองทั้งสิ้น บ้านไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่โตเพียงใด เราก็สามารถทำให้มีความสุข หรือความทุกข์ได้ด้วยใจของเราเอง
มาเริ่มต้นกันใหม่เริ่มที่จิตใจของเราเอง เอาใจกลับบ้านมาดูแลกันและกัน ปัญหาทุกอย่างมีทางออกหากเปิดใจและยอมรับในสิ่งที่ผ่านมาเปิดใจที่จะให้อภัยกัน เรื่องร้ายๆก็จะผ่านพ้นไปเริ่มต้นชีวิตอย่างมีสติ
เราทุกคนให้กำลังใจลูก และรอคอยการเริ่มต้นใหม่อย่างมีสติของลูกเสมอ

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

กำลังใจ

ดิฉันได้อ่านบทความจากนิตยสารฉบับหนึ่ง(ขอไม่เอ่ยชื่อนิตยสารนะคะ) มีความประทับใจในคำบอกเล่าเกี่ยวกับชีวิตของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง พร้อมทั้งการนำพาชีวิตของตนเองไปสู่จุดมุ่งหมายที่ดี การที่ดิฉันนำมาบอกเล่าให้ท่านทั้งหลายได้อ่านนั้นเพื่อจะให้เห็นว่า ความทุกข์นั้นถึงแม้จะเกิดขึ้นมาแล้วถ้าหากเราสามารถจะดับทุกข์ให้ถูกวิธีก็จะไม่เป็นการซ้ำเติมชีวิตของเรา
เด็กหนุ่มผู้นี้ได้เล่าว่า จากที่เศรษฐกิจตกต่ำลงครอบครัวของเขาประสบปัญหาในครอบครัว จากสุข ก็มีทุกข์
จากมีเงิน ก็หมดเงิน พ่อ แม่ทะเลาะกันทุกวัน เนื่องจากรายได้ไม่พอกับรายจ่าย และลูกฯยังต้องเรียนหนังสือค่าใช้จ่ายประดังเข้ามามากมายเหลือเกิน เขาเคยท้อแท้กับชีวิตคิดจะหางานทำเพื่อช่วยเหลือครอบครัวแต่เขาก็ได้กำลังใจจาก พ่อ แม่ให้เขาตั้งใจเรียนหนังสือ สู้ เพื่ออนาคต และจุดมุ่งหมายในชีวิตบางครั้งถึงจะท้อแท้ แต่ก็ไม่หมดกำลังใจ พยายามสู้ โดยตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่คิดทำร้ายตัวเอง เลือกและคิดก่อนทำเสมอ เพื่อครอบครัวที่รักเราไม่ให้บอบช้ำลงไปกว่านี้อีก
และวันนั้นก็มาถึง เขาสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยและได้เรียนในคณะที่เขาหวังไว้เพื่อสักวันเมื่อเรียนจบเขาจะได้ช่วยเหลือครอบครัวไม่ให้ลำบากอีกต่อไป
ขอให้เรามีกำลังใจ มีจุดมุ่งหมายในชีวิต รู้ และเข้าใจตัวเองว่าต้องการอะไรให้ชัดเจน เพื่อที่ก้าวไปให้ถึงจุดมุ่งหมายที่รออยู่ข้างหน้า.

วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เสียงเรียกของวัยรุ่น

ทำไมไม่มีใครเข้าใจผมเลย
เบื่อ บ่นอยู่ได้
พ่อ แม่ ไม่มีเหตุผลและ ไม่เข้าใจหนูเลย
มีอีกมากมายหลายประโยคของเด็กที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นที่พวกเขาต้องการมากในประโยคคำถามที่เกิดขึ้นบ่อยๆก็คือการยอมรับในตัวเขาเอง แต่ผู้ใหญ่ไม่อาจเข้าใจในเสียงของพวกเขาได้ เพราะมัวมองแต่เหตุผล การได้เสียในพฤติกรรม ผู้ใหญ่มองไกลแต่เด็กๆจะมุมมองสั้น และแคบกว่า เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่นนั้น ถ้าหากเราสังเกตุเห็นจะพบว่าลูกหลานของเรา เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย และ จิตใจจะพบเห็นได้บ่อยๆก็คือ
1 เริ่มจะโทรศัพท์หาเพื่อนๆคุยนาน และทุกครั้งที่มีปัญหา
2 ชอบปิดประตูขลุกอยู่แต่ในห้อง หรือไม่ก็ชอบออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆนอกบ้าน
3 ชอบอิสระในความคิด และกล้าแสดงออก
4 มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
5 ชอบเล่นเกม และอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
6 ไม่ชอบมาคลอเคลียกับพ่อ แม่ เหมือนก่อน
ความจริงแล้วเป็นเพียงพฤติกรรมของเด็กที่กำลังก้าวสู่วัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่ เป็นวัยที่ต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นมากมายภายใน ร่างกาย จิตใจ และสมองความนึกคิดต่างๆ
ในช่วงแต่ละวัยของวัยรุ่น พ่อแม่ ญาติต้องเข้าใจและคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กจะเกิดความไม่เป็นระเบียบในความคิด มีลักษณะว้าวุ่น และตัดสินไม่เหมาะสม หากวัยรุ่นไม่ได้รับการแนะนำหรือการสนับสนุนให้การเรียนรู้ในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม เมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ความสามารถในการตัดสินใจก็จะลดน้อยลง
เริ่มอยากจะทดลองในสิ่งใหม่ เช่น เพศ ดื่มสุรา ยาเสพติด พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่นการขับรถซิ่ง การพนัน เมื่อไม่มีการชี้แนะในทางที่ถูกต้องเขาก็จะเพิ่มพูนความคึกคะนอง ในทางที่ผิดก็จะส่งผลให้เกิดโทษต่อตนเอง และผู้อื่น และมี่ผลไปถึงวัยผู้ใหญ่
วัยรุ่นอยากได้การยอมรับ เห็นคุณค่า และเพื่อน
พ่อ แม่ และญาติคือบุคคลสำคัญที่จะช่วยให้ลูกหลานวัยรุ่น สามารผ่านเวลาที่สับสนว้าวุ่นไปได้แต่ก่อนอื่น บุคคลรอบตัวเองทำความเข้าใจก่อนว่า เด็กๆมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับร่างกาย และ จิตใจของวัยรุ่น จริงๆเขาไม่ใช่เด็กเล็กๆที่ปีก่อนยังเชื่อฟังเราทุกอย่างอีกต่อไปแล้ว
ถ้า พ่อ แม่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้ ก็จะเกิดปัญหาในครอบครัว และ ความเครียด เพราะคิดเอาว่าลูกไม่เป็นดังหวัง และใช้วิธีต่างๆนานา กดดันลูกเหมือนเขายังเป็นเด็ก
วัยรุ่นจะมีความรู้สึกทางอารมณ์ไวเป็นพิเศษ ควรสนับสนุนในทิศทางที่เขาชอบแต่ต้องสอดแทรกเหตุผลในทิศทางนั้นด้วย ถ้าหากต้องการเปลี่ยนไม่ควรสร้างความกดดัน ดูถูก ด่าทอ เพราะจะทำให้เขาปฏิเสธการเรียนรู้
จิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การสื่อสารกับวัยรุ่น ต้องอยู่บนพื้นฐานของการยอมรับและให้คุณค่ากับตัวเขารับฟังเขาให้มากขึ้น พูดคุยกันอย่างราบรื่น แม้เขาจะเถียงทำท่าไม่รับฟัง แต่เมื่อผู้ใหญ่ฟังเขาพูดเขาก็จะหันมาฟังและเกิดการเรียนรู้ การเข้าอกเข้าใจจึงเป็นปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมวัยรุ่นได้เรียนรู้อย่างถูกต้อง และเติบโตอย่างเหมาะสม.

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ทางไหนดี




เส้นทางเดินของชีวิตเรา บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ยากที่จะเดินหรือว่าจะเลือกเส้นทางไหนดี เส้นทางเดินของชีวิตคนเรามี่อยู่ 2 เส้นทางเป็นเส้นคู่ขนานกันเสมอ คือทางดี กับ ทางไม่ดี เหมือนกับจิตใจกับความดิดก็แบ่งออกเป็น 2 ทางเหมือนกัน คือทางหนึ่งคิดดี ทางหนึ่งคิดไม่ดีทาง 2 เส้นนี้ไม่มีทางมาบรรจบกันได้เลย
การกระทำความดี หรือความชั่ว ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเองเหมือนทาง 2 แพ่ง ที่กำลังคิดว่าจะเลือกทางไหนดี ทางหนึ่งมีแสงสว่าง อีกทางหนึ่งมีความมืดมัวจนกระทั่งมืดสนิทตลอดทางบางคนก็เลือกทางเดินสว่าง เพราะมองเห็นชัดเจนดีว่า จะมีอันตรายอะไรอยู่ข้างหน้าหรือเปล่า เพื่อที่จะหลบหลีกได้ และระวังตนเองไม่ให้เกิดอันตรายแต่บางคนก็อยากลองดูซิว่าในความมืดนั้นมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง ไม่ว่าเราจะเลือกเส้นทางเดินไหนก็ตาม ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรสุดท้ายแล้วก็อยู่ที่การมี สติ ปัญญา ในการเลือกในการตัดสินใจว่าจะเลือกเส้นทางไหนดี
ดังธรรมะของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ได้ทรงเมตตาให้คติธรรมไว้ว่า
ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก
เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยก
จะไปสูง ไปต่ำ จะไปดี ไปร้าย
เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น
พึ่งสำนึกข้อนี้ให้จงดี
แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้




ชีวิตคนเราเกิดมานั้นย่อมมีความแตกต่างกันไป บางคนรวย บางคนจน บางคนขาว และบางคนทำไมจึงดำแต่มีสิ่งที่เหมือนกันในความที่แตกต่างคือ การมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาในโลกใบนี้
แต่ชีวิตที่เกิดขึ้นมานี้ ไม่อาจจะเลือกเกิดได้ แต่เราสามารถเลือกเป็นได้ ถึงแม้เราเกิดมาไม่พร้อมแต่รู้จักใช้ชีวิต ใช้สติปัญญาในการดำรงชีวิต มีความขยันหมั่นเพียร ก็จะสามารถจะผลักดันตนเองให้เดินไปในทางที่ถูกต้องและจะนำชีวิตสู่ความก้าวหน้า มีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิตได้
ขอให้รู้จักแยกแยะ บาป บุญ คุณ โทษให้ได้ เพราะสติและปัญญามีติดตัวกันมาทุกคน เพียงแต่ให้เข้าใจและรู้จักนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดของชีวิตได้ เพียงแต่รู้ว่า
กรรมดีเมื่อกระทำแล้วจะเป็นบุญ เป็นคุณแก่ตนเองอย่างไร
กรรมชั่วเมื่อกระทำแล้ว จะเป็นบาปเป็นโทษแก่ชีวิตอย่างไร
ฉะนั้นไม่ว่าเราจะเกิดมาในฐานะใดก็ตามมิใช่เป็นสิ่งสำคัญ หรือเป็นอุปสรรคในการทำความดีแต่อย่างไดขอให้เรามีความมุ่งมั่น ทุ่มเท ในสิ่งที่ต้องการในทิศทางที่ถูกต้องด้วยตนเอง

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

กระจกวิเศษ




กระจกเอ๋ย.....เมื่อเรามองกระจกจะเห็นตัวเราเคยใหมที่จะถามตัวเองว่า "ทำไมตลอดเวลาจึงมองแต่ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความนึกคิด ความรัก ความโกรธ ความริษยา ความสุขและความทุกข์ทำไมเราจึงมีมากมายนักเหมือนไม่มีใครเห็นใจเราเลยไม่เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเรา บางครั้งฉันเหงา ว้าวุ้นในจิตใจมากมาย ใครจะตอบและช่วยฉันได้นะ
กระจกวิเศษจะตอบแล้วนะ.......ความทุกข์และความสุขเหมือนกระจกเงาด้านเดียว เมื่อเรามองไปจะเห็นแต่ตัวเราเอง เห็นความทุกข์และความสุขอยู่ที่ตัวของเราเอง จึงมองไม่เห็นว่าใครจะเห็น หรือเข้าใจเรา เคยไหมที่จะมองกระจกที่มีมุมมองหลายมุม ลองดูซิจ๊ะจะเห็นว่าเรามองเห็นตัวเองอย่ตรงกลางกระจกชัดเจน แต่ด้านซ้าย-ขวา หรือมุมสะท้อนมุมอื่นๆของกระจกจะมีตัวเราอยู่ๆไม่เต็มพื้นที่ด้านข้างเพิ่มขึ้นมาอีกจากที่เรามอง ไม่เห็นในกระจกเงาด้านเดียวมาตลอด สิ่งที่เรามองเห็นใหม่นั้นย่อมแสดงให้เห็นว่ายังมีอะไรอีกหลายสิ่ง หลายอย่างที่เรายังไม่เคยรับรู้และสิ่งนั้นยังอย่เคียงข้างเราตลอดมาถ้าเรายอมรับ และพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่นำมาทบทวนดู จะรู้ว่าถ้าหากเราเปิดใจให้กว้างยอมรับความจริง และรู้ทันต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในความคิดเราก็จะเอาชนะมันได้ โดยที่ตัวเราไม่ต้องมองกระจกด้านเดียวอีกต่อไป เพราะยังมีด้าน หรือมุมอีกหลายมุมที่คอยช่วยเหลือเรา ถ้าเรารู้จักที่จะใช้มุมนั้นให้มีประโยชน์แก่ชีวิตเรา
มุมๆนั้นก็คือ สติ ที่อยู่กับตัวเรามาโดยตลอด ไม่ต้องซื้อหา รู้จักใช้สติให้เกิดปัญญาขึ้นมาก็จะแก้ไขปัญหาที่เป็นสาเหตุของความทุกข์ได้
จงอย่าลืมนะจ๊ะ.......คนที่มีสติและปัญญา ย่อมเอาชนะอุปสรรคทั้งปวงได้

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

3 ก้าวของชีวิต




เมื่อลูกยังเล็กอยู่เพิ่งจะหัดเดินครั้งแรกลูกจะต้องเริ่มหัดยืนก่อนเพื่อการทรงตัวไม่ให้ล้ม เพื่อเตรียมพร้อมที่จะก้าวเดิน ก็เปรียบเสมือนการเริ่มต้นชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย
เมื่อลูกยกเท้าขึ้นก้าวเดินครั้งแรก พ่อและแม่ตื่นเต้นมากกว่าครั้งแรกที่ลูกยืนอีกเพราะลูกเริ่มที่จะก้าวไปหาจุดหมายของลูกได้ พ่อกับแม่จะประคองลูกไม้ให้ล้มหรือบาดเจ็บ
ความตื่นเต้นอีกครั้ง เมื่อลูกเดินได้โดยไม่ต้องพยุงอีกนั่นคือ ลูกสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและช่วยเหลือตนเองได้แล้ว แต่สายตาของพ่อ และแม่ก็ต้องคอยระวังกลัวลูกจะวิ่งและหกล้ม บาดเจ็บแต่การล้มบ้าง ลุกบ้างในชีวิตมันไม่ใช่อุปสรรคและปัญหาในชีวิตถ้าลูกร้จักการต่อสู้หาโอกาสให้ตนเองเริ่มต้นใหม่อีกครั้งอย่างเฉลียวฉลาดกว่าเดิม และเอาความผิดพลาดมาเป็นครูของชีวิต
ความสำเร็จ และความก้าวหน้าในชีวิตต้องเกิดจากความอดทนกระทำทีละขั้นตอน สะสมความสำเร็จที่ละเล็กทีละน้อยจนถึงก้าวที่ต้องการ
พ่อและแม่จะคอยมองดูลูกอย่ข้างหลังนะ ขอให้ลูกก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงและมุ่งมั่นไปหาฝันให้พบนะลูก พ่อแม่จะเป็นกำลังใจให้ลูกตลอดไป.