วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

ใบไม้

วันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้าได้เดินกลับบ้านเกิดมีลมพัดแรงเหมือนฝนกำลังจะตก แต่เมื่อลมได้สงบลงข้าพเจ้าได้มองเห้นใบไม้ที่ร่วงลงพื้นเนื่องจากแรงของกระแสลม มีทั้งใบไม้สีน้ำตาล ซึ่งมีอยู่เดิมหรือเป็นใบไม้ที่หลุดร่วงตามวงจรชีวิตของมัน ส่วนใบไม้สีเหลือง สีเขียวเข้ม และใบไม้สีเขียวอ่อนที่มีปนอยู่บ้าง ทำให้ข้าพเจ้ามองดูแล้วทำให้คิดว่านี่หรือคือสัจธรรมแห่งชีวิต เมื่อคนเราเกิดมาแล้วต้องตายบางคนต้องตายตามอายุขัยที่เป็นไปตามธรรมชาติ แต่บางคนยังคงน่าจะมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไปอีก หรือควรจะทำประโยชน์ให้แก่ตนเองครอบครัว สังคม และประเทศชาติได้อีกมากมายแต่ทำไมจึงต้องมาจากไปก่อนวัยอันสมควร
ดังนั้น เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ ณ วันนี้ เดี๋ยวนี้ หากเรายังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์หรือ ทำในสิ่งที่มีคุณค่าที่ดีต่อตัวเราเอง ต่อครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ขอให้ดิดใหม่ ทำใหม่ เริ่มต้นใหม่ที่ดี ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะวันพรุ่งนี้ เราไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา

" หากเกิดมาทั้งทีควรมีคุณค่า หากไม่นำพาชีวาก็หาไม่ "

วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552

วัยรุ่นกับจริยธรรม

เด็กฯทุกคนเมื่อแรกเกิดมานั้นย่อมมี กรรมดีและกรรมชั่วติดตัวมากันทุกคนดังนั้นตัวแปรที่ทำให้กรรมดีและกรรมชั่วหรือจริยธรรมของเด็กเปลี่ยนไปคือการรับรู้โดยการเรียนรู้จากพฤติกรรมของสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัย จากครอบครัวไม่ว่าจะเป็นบิดา มารดาหรือบุคคลที่เด็กได้คลุกคลีอยู่ด้วยเป็นประจำ โดยยึดเอามาเป็นต้นแบบ
มีคำกล่าวไว้ว่าเด็กฯที่แรกเกิดมานั้นเปรียบเสมือนผ้าขาวที่สอาดบริสุทธิ์ หากเด็กได้รับคุณธรรม จากบิดา มารดาเด็กก็จะรับรู้และเลียนแบบพ่อ แม่ทั้งร่างกายและจิตใจ แต่หากเราเก็บเอาพ่อ แม่ใจร้ายความน่าสะพรึ่งกลัวไว้ในจิตใจมากเท่าใดนานวัน เขาจะแยกไม่ออกเลย เขาจะสร้างกลไลตัวควบคุมตนเองขึ้นมาทั้งภายในและภายนอก
สังคมปัจจุบัน พ่อ แม่ต้องทำงานหาเงินมากจนเกินควรไม่มีเวลาให้ลูก แต่ถ้าหากมีเวลาให้กับลูกบ้างก็ขอเป็นเวลาที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตของเด็กที่จะต้องเติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพต่อสังคมและครอบครัว
การจะสอนลูกฯให้เป็นคนดีได้นั้นคือ ต้องมีเวลาและเป็นแบบอย่างที่ดี หากพ่อ แม่ สังคมควรจะสอนให้เขารู้จักคิดถึงการกระทำ และผลที่ได้รับจากการกระทำนั้นคือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2552

ไฟ

คำว่าไฟ ทุกคนคงต้องนึกถึงเปลวไฟอันร้อนแรง แต่นั่นก็คือความร้อนภายนอกเท่านั้นแต่ไฟที่ร้อนรนอยู่ภายในนั้น คือไฟในใจ หรือดวงจิตที่ร้อนรุ่ม ร้อนรน ทุกข์ทรมานมากมายแม้วันเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่เคยจะหมดไฟแห่งความร้อนรน ถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่ความคิด ความคิดของมนุษย์เราเป็นต้นตอของความทุกข์ยากและปัญหาต่างฯนานาที่รุมเร้าเข้ามา โดยที่หาทางออกไม่ได้ นั่นเป็นเพราะเราไม่เคยมองเข้าไปให้ถึงต้นเหตุความคิดซึ่งเป็นที่มาของทุกข์ ซึ่งไฟของกิเลสมีอยู่ ๓ ชนิด คือ
๑ ไฟแห่งโลภะ ความทุกข์ ในความอยากได้อยากมี ที่เกินกำลังของเราเองต้องหาวิธีมาสนองใจอยาก จนลืมว่าสิ่งที่กระทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิดก็ตาม
๒ไฟแห่งโทสะ การปล่อยให้จิตใจถูกครอบงำด้วยความโกรธ กลุ้มรุ่มเร้า
๓ไฟแห่งโมหะ จิตอันหลงผิด อันโง่เขลา จิตใจคับแคบขาดปัญญาเป็นเครื่องพิจารณา
ไฟทั้ง ๓ นี้ ที่เผาใจให้มีแต่ความร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นมีแต่ผลของความเสียหาย อย่าให้ไฟทั้ง ๓ นี้มาครอบงำเอาจนกลายเป็นคนหลงทาง หลงโลก