วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

ปิดประตูอดีต

เมื่อเราเปิดประตูบ้านเข้าไปถ้าหากพบว่าบ้านนั้นสวยงาม สะอาดก็อยากเดินเข้าไปเพราะว่าบ้านนั้นคงจะมีความสุข แต่ถ้าเปิดประตูเข้าไปพบว่าบ้านนั้นไม่สะอาด สกปรก มีฝุ่นละอองมากเราคิดว่าถ้าหากเข้าไปแล้วคงจะไม่มีความสุข และอาจจะทำให้ตัวเราไม่สบายได้
ไม่ว่าความสะอาด ความสกปรก เราสามารถทำความสะอาดได้ เปรียบเหมือนจิตใจของคนเรา ถ้าหากเรามีความสุข ก็เปรียบได้กับบ้านที่สะอาด ถ้าหากเรามีความทุกข์ก็เปรียบเหมือนบ้านที่สกปรก ทุกสิ่ง ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเราเอง ถ้าหากจิตใจเรามีแต่ความห่อเหี่ยว ท้อแท้ เศร้าซึม ทุกข์ใจ เสียใจ หรือคับแค้นใจ จากที่เคยได้รับมาแต่ในอดีต ในวัยเด็กและเก็บไว้แน่นโดยไม่ยอมปลดปล่อยให้ออกไปจึงเป็นคนที่ไม่เคยมีความสุข
เราอาจจะไม่มีความสุขในอดีต แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาอดีตมาทำลายตัวเราไม่ให้มีความสุขในปัจจุบัน ความวิตกกังวลความคิดที่เป็นลบ จะคอยบั่นทอนจิตใจและความรู้สึกที่จะนำความทุกข์มาให้ตัวเองล่วงหน้า
เราควรปรับ เปลี่ยนตัวเองให้มีความสุขโดยการคิดที่ดีที่เป็นบวก
๑ ฝึกการให้ความรู้สึกที่ดีแก่ตนเอง และผู้อื่น โดยยึดหลักการให้อภัยถึงแม้ว่าจะทำได้ยากก็ควรฝึกที่จะให้อภัยเขาและตัวเราควรฝึกบ่อยฯเมื่อมีความรู้สึกเจ็บช้ำในอดีตเกิดขึ้นมา
๒ไม่วิตกกังวลอะไรล่วงหน้าเมื่อเกิดมีความคิดขึ้นมา จงหยุดคิดสร้างสติให้เกิดเท่าทันในความคิดนั้นจงมองความคิดที่เป็นปัจจุบัน หรือถ้าจะคิดก็ต้องคิดแบบมีเหตุและผล
๓เลิกตำหนิตนเอง และจงมองตนเองให้มีคุณค่า
๔ เลิกท้อแท้ และสิ้นหวัง หรือคอยคิดว่าไม่มีความสามารถหรือคิดว่าทำอะไรก็ผิดพลาดตลอด ต้องคิดอยู่เสมอว่าเราต้องทำได้และจะพยายามทำให้ดีที่สุด
“อยากจะให้คิดอยู่เสมอว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงและสร้างอนาคตของตัวเราเองได้ด้วยตัวของเราเอง”

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

ตายแล้วไปไหน

ยังเป็นสิ่งที่มีหลายความคิดเห็น หรือบางท่านก็มาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาจาการที่ฟื้นขึ้นมาหลังจากที่หลายคนดิดว่าตายแล้ว แต่ก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันมานาน ในด้านศาสนาเราต่างก็อยากจะรู้ว่าเมื่อจิตดับลงแล้วไปไหน จะเป็นไปตามที่ได้ยินได้ฟังกันมาหรือไม่
แต่พอสรุปได้ว่า มนุษย์เรานั้นเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมที่ตนได้เคยกระทำมาแล้วในอดีตที่เราได้เคยสร้างกรรมดีหรือกรรมชั่วไว้อย่างใดบ้าง เพราะเมื่อเราตายไปแล้วจิตวิญญาณเรายังคงอยู่เพื่อที่จะเสวยสุขหรือทุกข์ตามกรรมที่ได้กระทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่
ถ้าหากเราทำกรรมดี คือ ผลบุญที่จะส่งผลให้เราไปเกิดในสุคติ
ถ้าหากทำกรรมชั่ว คือ บาปกรรมก็เป็นผลให้เราไปเกิดในอบายภูมิ ๔ ภูมิคือ นรก เปรต อสุรกาย หรือ สัตว์เดรัจฉาน
ดังนั้นเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ควรจะเร่งทำความดี เพื่อที่จะเป็นสเบียงเดินทางสำหรับจิต วิญญาณของเราเมื่อเวลานั้นมาถึง