ถ้าหากเราพูดถึงความทุกข์ มักจะนึกถึงสิ่งที่มากระทบต่อความรู้สึกให้ไม่มีความสุขทั้งกายและใจ บางคนก็หาทางออกได้แต่บางคนก็หาทางออกไม่ได้ ความทุกข์นั้นมีอยู่ ๒ แบบ คือ ความทุกข์ที่อยู่ในใจ กับ ความทุกข์ที่ปรากฎในใจ ความทุกข์ทั้ง ๒ แบบหากมองแบบไม่วิเคราะห์ก็จะคิดว่าไม่เห็นแตกต่างกันในความเป็นจริงแล้วไม่เหมือนกันเลย
ความทุกข์ที่อยู่ในใจ เมื่อเกิดขึ้นแล้วเหมือนพายเรืออยู่ในอ่างวนไปวนมาหาทางออกไม่ได้ขาดทั้งสติ ขาดทั้งปัญญาในการแก้ไข
ความทุกข์ที่ปรากฎในใจ เมื่อเหตุแห่งทุกข์ปรากฎขึ้นมาแทนที่จะจมลงอยู่ในทุกข์นั้นกับหันมามองในต้นเหตุแห่งทุกข์เพื่อที่จะแก้ใขให้หรือหาทางออกให้กับปัญหาที่อยู่ในใจด้วยสติ และ ปัญญา
ดังนั้น เมื่อเรามีความทุกข์เกิดขึ้นมา เราควรจะเก็บความทุกข์ไว้กับตัวเราแบบไหนขอให้จงพิจารณาดูให้ดีด้วยสติ และปัญญา
วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552
บทบาทของชีวิต
เราเคยเห็นข่าวในโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อต่างฯมากมายในคดีที่ทำร้ายร่างกาย ที่เรียกว่าเป็นคดีอาชญากรรมมากมายนักในแต่ละวันในคดีที่เป็นเด็ก และเยาวชนก็ไม่ใช่น้อยกว่าคดีผู้ใหญ่ซึ่งเป็นพื้นฐานในการกระทำผิดที่จะต่อยอดไปถึงอนาคตซึ่งน่ากลัวอยู่มากการกระทำดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก
บางคนไม่มีความรู้สึกต่อการกระทำ
บางคนคิดว่าเป็นความสะใจของตนเอง
บางคนคิดว่าเป็นเรื่องศักดิ์ศรี
บางคนคิดว่าการจะเป็นใหญ่ให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มของตนต้องแสดงพลังความเป็นนักเลงออกมาให้คนเกิดความกลัวและพร้อมที่จะยอมรับ
บางคนก็คิดว่าเป็นเกมชีวิต
บางคนก็ทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ฯลฯ
แต่เราทุกคนก็ล้วนมีบทบาทการแสดงกันทุกคนแล้วแต่จะเลือกบทบาทไหนที่ตนเองชื่นชอบ โดยไม่แยกแยะ คิดว่าตนเองกำลังมีความสุขอยู่ในบทบาทการแสดงนั้น โดยหลงลืมไปว่าเราทุกคนเกิดมาในฐานะเป็นมนุษย์ล้วนจะต้องสร้างบทบาทหรือเลือกจะเล่นบทชีวิตไหนก็ตามเราก็ไม่สามารถจะหลีกหนีกฎ และกฎแห่งกรรมไปได้ ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วย กฎ กติกา ระเบียบ มารยาท ในความเป็นจริง นั่นก็คือ กฎแห่งกรรม กฎแห่งวัฎจักร กฎแห่งความไม่เที่ยงแท้แน่นอนอันได้แก่
๑ เราทำกรรมใดไว้กรรมนั้นก็เป็นของตนไม่ว่า จะกรรมดี หรือ กรรมชั่ว
๒ เราทุกคนย่อมไม่หลุดพ้นแห่งความตายได้
๓ เราทุกคนย่อมจะต้องประสบทั้งสุข และทุกข์อันเป็นกฎแห่งธรรมของชีวิต
๔กฎแห่งความไม่เที่ยงแท้แน่นอนคือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
นอกจากเราจะต้องพบกับกฎแห่งสังคมคือ กฎหมาย และกฎแห่งธรรมแล้ว หากเรารู้เท่าทันในกติกาเหล่านั้น เราก็สามารถจะเลือกหาชีวิตที่ดีได้โดยเลือกบทบาทที่ดีแสดง และพัฒนาการแสดงให้เป็นมืออาชีพและประสบความสำเร็จในการแสดงได้.
บางคนไม่มีความรู้สึกต่อการกระทำ
บางคนคิดว่าเป็นความสะใจของตนเอง
บางคนคิดว่าเป็นเรื่องศักดิ์ศรี
บางคนคิดว่าการจะเป็นใหญ่ให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มของตนต้องแสดงพลังความเป็นนักเลงออกมาให้คนเกิดความกลัวและพร้อมที่จะยอมรับ
บางคนก็คิดว่าเป็นเกมชีวิต
บางคนก็ทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ฯลฯ
แต่เราทุกคนก็ล้วนมีบทบาทการแสดงกันทุกคนแล้วแต่จะเลือกบทบาทไหนที่ตนเองชื่นชอบ โดยไม่แยกแยะ คิดว่าตนเองกำลังมีความสุขอยู่ในบทบาทการแสดงนั้น โดยหลงลืมไปว่าเราทุกคนเกิดมาในฐานะเป็นมนุษย์ล้วนจะต้องสร้างบทบาทหรือเลือกจะเล่นบทชีวิตไหนก็ตามเราก็ไม่สามารถจะหลีกหนีกฎ และกฎแห่งกรรมไปได้ ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วย กฎ กติกา ระเบียบ มารยาท ในความเป็นจริง นั่นก็คือ กฎแห่งกรรม กฎแห่งวัฎจักร กฎแห่งความไม่เที่ยงแท้แน่นอนอันได้แก่
๑ เราทำกรรมใดไว้กรรมนั้นก็เป็นของตนไม่ว่า จะกรรมดี หรือ กรรมชั่ว
๒ เราทุกคนย่อมไม่หลุดพ้นแห่งความตายได้
๓ เราทุกคนย่อมจะต้องประสบทั้งสุข และทุกข์อันเป็นกฎแห่งธรรมของชีวิต
๔กฎแห่งความไม่เที่ยงแท้แน่นอนคือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
นอกจากเราจะต้องพบกับกฎแห่งสังคมคือ กฎหมาย และกฎแห่งธรรมแล้ว หากเรารู้เท่าทันในกติกาเหล่านั้น เราก็สามารถจะเลือกหาชีวิตที่ดีได้โดยเลือกบทบาทที่ดีแสดง และพัฒนาการแสดงให้เป็นมืออาชีพและประสบความสำเร็จในการแสดงได้.
วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552
ปิดประตูอดีต
เมื่อเราเปิดประตูบ้านเข้าไปถ้าหากพบว่าบ้านนั้นสวยงาม สะอาดก็อยากเดินเข้าไปเพราะว่าบ้านนั้นคงจะมีความสุข แต่ถ้าเปิดประตูเข้าไปพบว่าบ้านนั้นไม่สะอาด สกปรก มีฝุ่นละอองมากเราคิดว่าถ้าหากเข้าไปแล้วคงจะไม่มีความสุข และอาจจะทำให้ตัวเราไม่สบายได้
ไม่ว่าความสะอาด ความสกปรก เราสามารถทำความสะอาดได้ เปรียบเหมือนจิตใจของคนเรา ถ้าหากเรามีความสุข ก็เปรียบได้กับบ้านที่สะอาด ถ้าหากเรามีความทุกข์ก็เปรียบเหมือนบ้านที่สกปรก ทุกสิ่ง ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเราเอง ถ้าหากจิตใจเรามีแต่ความห่อเหี่ยว ท้อแท้ เศร้าซึม ทุกข์ใจ เสียใจ หรือคับแค้นใจ จากที่เคยได้รับมาแต่ในอดีต ในวัยเด็กและเก็บไว้แน่นโดยไม่ยอมปลดปล่อยให้ออกไปจึงเป็นคนที่ไม่เคยมีความสุข
เราอาจจะไม่มีความสุขในอดีต แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาอดีตมาทำลายตัวเราไม่ให้มีความสุขในปัจจุบัน ความวิตกกังวลความคิดที่เป็นลบ จะคอยบั่นทอนจิตใจและความรู้สึกที่จะนำความทุกข์มาให้ตัวเองล่วงหน้า
เราควรปรับ เปลี่ยนตัวเองให้มีความสุขโดยการคิดที่ดีที่เป็นบวก
๑ ฝึกการให้ความรู้สึกที่ดีแก่ตนเอง และผู้อื่น โดยยึดหลักการให้อภัยถึงแม้ว่าจะทำได้ยากก็ควรฝึกที่จะให้อภัยเขาและตัวเราควรฝึกบ่อยฯเมื่อมีความรู้สึกเจ็บช้ำในอดีตเกิดขึ้นมา
๒ไม่วิตกกังวลอะไรล่วงหน้าเมื่อเกิดมีความคิดขึ้นมา จงหยุดคิดสร้างสติให้เกิดเท่าทันในความคิดนั้นจงมองความคิดที่เป็นปัจจุบัน หรือถ้าจะคิดก็ต้องคิดแบบมีเหตุและผล
๓เลิกตำหนิตนเอง และจงมองตนเองให้มีคุณค่า
๔ เลิกท้อแท้ และสิ้นหวัง หรือคอยคิดว่าไม่มีความสามารถหรือคิดว่าทำอะไรก็ผิดพลาดตลอด ต้องคิดอยู่เสมอว่าเราต้องทำได้และจะพยายามทำให้ดีที่สุด
“อยากจะให้คิดอยู่เสมอว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงและสร้างอนาคตของตัวเราเองได้ด้วยตัวของเราเอง”
ไม่ว่าความสะอาด ความสกปรก เราสามารถทำความสะอาดได้ เปรียบเหมือนจิตใจของคนเรา ถ้าหากเรามีความสุข ก็เปรียบได้กับบ้านที่สะอาด ถ้าหากเรามีความทุกข์ก็เปรียบเหมือนบ้านที่สกปรก ทุกสิ่ง ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเราเอง ถ้าหากจิตใจเรามีแต่ความห่อเหี่ยว ท้อแท้ เศร้าซึม ทุกข์ใจ เสียใจ หรือคับแค้นใจ จากที่เคยได้รับมาแต่ในอดีต ในวัยเด็กและเก็บไว้แน่นโดยไม่ยอมปลดปล่อยให้ออกไปจึงเป็นคนที่ไม่เคยมีความสุข
เราอาจจะไม่มีความสุขในอดีต แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาอดีตมาทำลายตัวเราไม่ให้มีความสุขในปัจจุบัน ความวิตกกังวลความคิดที่เป็นลบ จะคอยบั่นทอนจิตใจและความรู้สึกที่จะนำความทุกข์มาให้ตัวเองล่วงหน้า
เราควรปรับ เปลี่ยนตัวเองให้มีความสุขโดยการคิดที่ดีที่เป็นบวก
๑ ฝึกการให้ความรู้สึกที่ดีแก่ตนเอง และผู้อื่น โดยยึดหลักการให้อภัยถึงแม้ว่าจะทำได้ยากก็ควรฝึกที่จะให้อภัยเขาและตัวเราควรฝึกบ่อยฯเมื่อมีความรู้สึกเจ็บช้ำในอดีตเกิดขึ้นมา
๒ไม่วิตกกังวลอะไรล่วงหน้าเมื่อเกิดมีความคิดขึ้นมา จงหยุดคิดสร้างสติให้เกิดเท่าทันในความคิดนั้นจงมองความคิดที่เป็นปัจจุบัน หรือถ้าจะคิดก็ต้องคิดแบบมีเหตุและผล
๓เลิกตำหนิตนเอง และจงมองตนเองให้มีคุณค่า
๔ เลิกท้อแท้ และสิ้นหวัง หรือคอยคิดว่าไม่มีความสามารถหรือคิดว่าทำอะไรก็ผิดพลาดตลอด ต้องคิดอยู่เสมอว่าเราต้องทำได้และจะพยายามทำให้ดีที่สุด
“อยากจะให้คิดอยู่เสมอว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงและสร้างอนาคตของตัวเราเองได้ด้วยตัวของเราเอง”
วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552
ตายแล้วไปไหน
ยังเป็นสิ่งที่มีหลายความคิดเห็น หรือบางท่านก็มาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาจาการที่ฟื้นขึ้นมาหลังจากที่หลายคนดิดว่าตายแล้ว แต่ก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันมานาน ในด้านศาสนาเราต่างก็อยากจะรู้ว่าเมื่อจิตดับลงแล้วไปไหน จะเป็นไปตามที่ได้ยินได้ฟังกันมาหรือไม่
แต่พอสรุปได้ว่า มนุษย์เรานั้นเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมที่ตนได้เคยกระทำมาแล้วในอดีตที่เราได้เคยสร้างกรรมดีหรือกรรมชั่วไว้อย่างใดบ้าง เพราะเมื่อเราตายไปแล้วจิตวิญญาณเรายังคงอยู่เพื่อที่จะเสวยสุขหรือทุกข์ตามกรรมที่ได้กระทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่
ถ้าหากเราทำกรรมดี คือ ผลบุญที่จะส่งผลให้เราไปเกิดในสุคติ
ถ้าหากทำกรรมชั่ว คือ บาปกรรมก็เป็นผลให้เราไปเกิดในอบายภูมิ ๔ ภูมิคือ นรก เปรต อสุรกาย หรือ สัตว์เดรัจฉาน
ดังนั้นเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ควรจะเร่งทำความดี เพื่อที่จะเป็นสเบียงเดินทางสำหรับจิต วิญญาณของเราเมื่อเวลานั้นมาถึง
แต่พอสรุปได้ว่า มนุษย์เรานั้นเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมที่ตนได้เคยกระทำมาแล้วในอดีตที่เราได้เคยสร้างกรรมดีหรือกรรมชั่วไว้อย่างใดบ้าง เพราะเมื่อเราตายไปแล้วจิตวิญญาณเรายังคงอยู่เพื่อที่จะเสวยสุขหรือทุกข์ตามกรรมที่ได้กระทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่
ถ้าหากเราทำกรรมดี คือ ผลบุญที่จะส่งผลให้เราไปเกิดในสุคติ
ถ้าหากทำกรรมชั่ว คือ บาปกรรมก็เป็นผลให้เราไปเกิดในอบายภูมิ ๔ ภูมิคือ นรก เปรต อสุรกาย หรือ สัตว์เดรัจฉาน
ดังนั้นเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ควรจะเร่งทำความดี เพื่อที่จะเป็นสเบียงเดินทางสำหรับจิต วิญญาณของเราเมื่อเวลานั้นมาถึง
วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ความเมตตา
คนเราเกิดมามีชีวิตเดียว เวลาจากไปบนโลกใบนี้ก็มีชีวิตเดียวอยากจะถามว่าในช่วงตั้งแต่เกิดมา จนถึงเวลาที่ต้องจากไปจากโลกใบนี้นั้น เราเคยทำอะไรบ้างที่มีประโยชน์ที่ทำให้เรามีความรู้สึกสุขใจ ทุกครั้งที่นึกขึ้นมา
เคยมีภาพยนตร์ประกอบการโฆษณาที่กล่าวถึงผู้หญิงคนหนึ่งเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่เธอไม่กลัวความตาย แต่กลัวที่จะไม่ได้ทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เธอได้นำเด็กๆที่ขาดความอบอุ่นมาดูแลสอนหนังสือ ให้ความสุข และชี้ทางที่ดีให้แก่เขาเหล่านั้น
ทำให้คิดว่าความดี ความเมตตา คนเรานั้นสามารถทำได้ทุกเวลา ทุกขณะจิตที่คิดจะทำ ความดี ไม่มีวันตาย ไม่มีวันหมดอายุ
ดังนั้นถ้าเราคิดว่า การทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้เขามีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยในทางที่ถูกที่ควรแล้ว ย่อมถือว่าเราไม่ได้แค่ทำความดีเพื่อตนเอง แต่เราทำความดีเพื่อสังคม และประเทศชาติ
เคยมีภาพยนตร์ประกอบการโฆษณาที่กล่าวถึงผู้หญิงคนหนึ่งเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่เธอไม่กลัวความตาย แต่กลัวที่จะไม่ได้ทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เธอได้นำเด็กๆที่ขาดความอบอุ่นมาดูแลสอนหนังสือ ให้ความสุข และชี้ทางที่ดีให้แก่เขาเหล่านั้น
ทำให้คิดว่าความดี ความเมตตา คนเรานั้นสามารถทำได้ทุกเวลา ทุกขณะจิตที่คิดจะทำ ความดี ไม่มีวันตาย ไม่มีวันหมดอายุ
ดังนั้นถ้าเราคิดว่า การทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้เขามีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยในทางที่ถูกที่ควรแล้ว ย่อมถือว่าเราไม่ได้แค่ทำความดีเพื่อตนเอง แต่เราทำความดีเพื่อสังคม และประเทศชาติ
วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552
สัจธรรมแห่งชีวิต
คนเราเกิดมาคงหนีไม่พ้นความตายไปได้ และก็ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎนี้อีก จากภพหนึ่ง ไปยังอีกภพหนึ่งโดยมีบุญ บาปเป็นเครื่องนำทางไปชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนเราไม่สามารถจะรู้ว่าวันไหนเวลาไหนจะมาถึงชีวิตเรา แต่สิ่งที่เรารู้ตัวดีคือวันนี้เราทำความดีอะไรบ้างเผื่อว่าวันพรุ่งนี้อาจจะสายไป
สัจธรรมที่แท้จริงของชีวิตก็คือ “ ๔ คนหาม ๓ คนแห่ ๑ คนนั่ง ๒ คนตาม หมายความว่า
๔คนหาม ก็คือสภาวะของความเป็นมนุษย์ได้แก่ การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย
๓ คนแห่ ก็คือความจริงแห่งพระไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความทุกข์ อนัตตา ความว่างเปล่าไม่มีตัวตน
๑ คนนั่ง ก็คือตัวเรา
๒ คนตาม ก็คือบุญ บาป
ณวันนี้เราทำอะไรที่เป็นความดี เป็นบุญ เป็นกุศลแล้วหรือยัง เพราะคงไม่มีอะไรจะติดตามเราไปได้ทุกที่ นอกจากบุญ บาป
สัจธรรมที่แท้จริงของชีวิตก็คือ “ ๔ คนหาม ๓ คนแห่ ๑ คนนั่ง ๒ คนตาม หมายความว่า
๔คนหาม ก็คือสภาวะของความเป็นมนุษย์ได้แก่ การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย
๓ คนแห่ ก็คือความจริงแห่งพระไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความทุกข์ อนัตตา ความว่างเปล่าไม่มีตัวตน
๑ คนนั่ง ก็คือตัวเรา
๒ คนตาม ก็คือบุญ บาป
ณวันนี้เราทำอะไรที่เป็นความดี เป็นบุญ เป็นกุศลแล้วหรือยัง เพราะคงไม่มีอะไรจะติดตามเราไปได้ทุกที่ นอกจากบุญ บาป
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ความรักหรือความหลง
อยากจะถามท่านทั้งหลายว่า”ความรักคืออะไร” หลายคนคงตอบว่า ความรักก็คือความสุขที่ได้รักแต่ความสุขในความรักนั้นก็คือความทุกข์ที่ซ่อนเร้นในอารมณ์ของตนเอง แบบร้อนแรงในอารมณ์ของความหึงหวง การโกรธงอนกัน การพลัดพราก หรือการแสดงความเป็นเจ้าของมากเกินไปจนเกิดความทุกข์มากกว่าความสุข
ความรักที่ดี นอกจากจะให้ความสุขทางใจแล้ว ควรจะเป็นยาบำรุงหัวใจ หรือกำลังใจให้มีพลังทำสิ่งที่ดีๆ เพื่อตัวเราเองและคนที่เรารักพร้อมทั้งคนอื่นๆด้วย เราควรจะนำความรักมาใช้ในทางที่ถูกต้อง
ไม่นำความหลงมาเหนือความรักทำให้หลงใหล บ้าคลั่ง หรือรักแบบผิดๆ
ความผิดหวัง หรือความไม่เข้าใจกันในความรัก มักจะทำให้คนเราขาดสติ หลงทาง ไม่เพียงแต่จะทำร้ายตัวเราเอง แต่ยังทำร้ายคนรอบข้างที่รักเราด้วยความบริสุทธิ์ใจ คือพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ที่ต้องเสียใจไปกับการกระทำที่โง่เขลา ขาดสติอย่างมากมาย
เราควรเอาชนะความหลงในรักด้วยสติ ปัญญาการใช้สติพิจารณาและ รู้จักไตร่ตรองว่า ความรักคืออะไร รักเพราะอะไร และใครคือคนที่เรารักและเราควรจะรักใครมากที่สุด.
ความรักที่ดี นอกจากจะให้ความสุขทางใจแล้ว ควรจะเป็นยาบำรุงหัวใจ หรือกำลังใจให้มีพลังทำสิ่งที่ดีๆ เพื่อตัวเราเองและคนที่เรารักพร้อมทั้งคนอื่นๆด้วย เราควรจะนำความรักมาใช้ในทางที่ถูกต้อง
ไม่นำความหลงมาเหนือความรักทำให้หลงใหล บ้าคลั่ง หรือรักแบบผิดๆ
ความผิดหวัง หรือความไม่เข้าใจกันในความรัก มักจะทำให้คนเราขาดสติ หลงทาง ไม่เพียงแต่จะทำร้ายตัวเราเอง แต่ยังทำร้ายคนรอบข้างที่รักเราด้วยความบริสุทธิ์ใจ คือพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ที่ต้องเสียใจไปกับการกระทำที่โง่เขลา ขาดสติอย่างมากมาย
เราควรเอาชนะความหลงในรักด้วยสติ ปัญญาการใช้สติพิจารณาและ รู้จักไตร่ตรองว่า ความรักคืออะไร รักเพราะอะไร และใครคือคนที่เรารักและเราควรจะรักใครมากที่สุด.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)